วันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

รวยจากข้าวโพด ด้วย Super Big

เกษตรกรชาวราชบุรี รวยจากข้าวโพด ด้วย Super Big 15 ไร่ได้ 15 ตัน

15 ไร่ ได้ 15 ตัน
ยิ่งนับวันอากาศบนโลกใบนี้จะทวีความร้อนมากยิ่งขึ้นทุกๆ วัน มนุษย์ไม่สามารถที่จะทนแดดตอนช่วงกลางวันได้เหมือนแต่ก่อน ความร้อนทำให้เกิดปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่รุนแรงไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและอีกหลายๆ สิ่งที่เชื่อว่ามนุษย์ทุกคนล้วนรู้อยู่แก่ใจว่าเกิดจากน้ำมือใคร ด้วยสาเหตุเหล่านี้ทำให้หลายท่านเริ่มหันมาผดุงโลกนี้ไว้ด้วยการเลิกพฤติกรรมที่เป็นบ่อนทำลายโลกให้เร็วลง เกษตรกรเองก็เป็นหนึ่งในผู้ที่สามารถช่วยโลกได้เช่นกันด้วยการหันมาใช้ปุ๋ย ฮอร์โมน ยา ที่ทำมาจากธรรมชาติ ไม่มีสารตกค้างทำลายโลกและมนุษย์เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม อย่างเช่นแนวความคิดของเกษตรท่านนี้
เกษตรกรรักษ์โลก ไร่ข้าวโพดคนเก่ง
                คุณศรกนก ธัชธำรงชัย เกษตรกรอำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี ปลูกข้าวโพดมาแล้ว 5 ปี ในพื้นที่ 15 ไร่ จากเมื่อก่อนทำการเกษตรโดยการใช้เคมีค่อนข้างมาก ผลที่ตามมาอย่างชัดเจนคือ สภาพดินแข็ง ปลูกข้าวโพดได้ผลผลิตน้อย ประกอบกับหลายปีที่ผ่านมาภาวะโลกร้อนวิกฤติมากขึ้น ทำให้มีแนวคิดที่จะช่วยโลกบ้างแม้จะเป็นแค่ฟันเฟืองเล็กๆที่ช่วยขับเคลื่อนให้โลกนี้ดีขึ้นก็พร้อมที่จะทำ จากนั้นจึงได้เริ่มทำเกษตรแนวอินทรีย์โดยการทำน้ำหมักชีวภาพและปุ๋ยอินทรีย์ใช้เองซึ่งช่วยลดต้นทุนได้มาก ควบคู่กับการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ของ บริษัท ลักกี้ ไบซ์ กรุ๊ป จำกัด เพราะเป็นบริษัทที่ผลิตผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่ไม่เป็นอันตรายทั้งกับผู้ใช้และผู้บริโภคซึ่งไม่ส่งผลเสียต่อโลก
ปลูกข้าวโพดอย่างไรให้ได้ผล         
คุณศรกนกแนะนำเทคนิคการปลูกข้าวโพดให้ประสบความสำเร็จว่า ข้าวโพดสามารถปลูกได้ทุกพื้นที่ การปลูกข้าวโพดเป็นเรื่องไม่ยากนัก หากมีแหล่งน้ำดี ดินดี ขึ้นอยู่กับว่าจะมีวิธีการบำรุงดูแลอย่างไรให้ได้คุณภาพที่ดี ซึ่งทางไร่จะเน้นการปลูกการจัดการในแนวอินทรีย์ เริ่มจากใช้ปุ๋ยคอกเป็นมูลวัวหรือมูลสัตว์อื่นๆใส่ ไร่ละ 250 กิโลกรัม จากนั้นไถดินกลบพร้อมกับตอซังข้าวโพด และใช้น้ำหมักจุลินทรีย์ที่ใช้ในการย่อยสลายตอซังข้าวโพดฉีดหมักไว้ 10-15 วัน จากนั้นชักร่องแล้วปล่อยน้ำลงร่องให้เปียกทิ้งไว้ 2-3 วันให้หน้าดินมีความชื้นเพื่อให้เหมาะต่อการเจริญเติบโตของต้นกล้าทันทีในช่วงปลูกใหม่ ส่วนวิธีการปลูกใช้วิธีหยอดเมล็ดลงหลุม หลุมละ 1 เมล็ด ห่างกัน 20 เซนติเมตร
สำหรับเทคนิคการเพิ่มผลผลิตข้าวโพดด้วยผลิตภัณฑ์ของ บริษัท ลักกี้ ไบซ์ กรุ๊ป คือ ใช้  Super Big 1 ถุง/น้ำ 200 ลิตร และผสม Super Chito ‘P’ จำนวน 200 ซีซี. คนให้เข้ากันนำเมล็ดพันธุ์มาแช่ไว้อย่างน้อย 12 ชม. สามารถแช่ได้นาน 3 วัน หลังจากปลูกไปแล้ว 10 วัน ผสม Super Big 1 ถุง/น้ำ 100 ลิตร ผสมกับ Super Chito ‘P’ 20 ซีซี. ต่อน้ำที่ละลายใน Super Big  20 ลิตร ฉีดพ่น 20-30 ลิตร/ไร่
จากนั้นอีก 30 วันให้ ผสม Super Big 1 ถุง/น้ำ 100 ลิตร ผสมกับ Super Chito ‘P’ จำนวน 20 ซีซี./น้ำที่ละลาย Super Big 20 ลิตร และใส่ Super Organic 1 กระสอบ/ไร่ ฉีดซ้ำอีกครั้ง
                หลังจากปลูกข้าวโพดได้ 50 วัน ผสม Super Big 1 ถุง/น้ำ 100 ลิตร และผสม Super Chito ‘P’ 20 ซีซี./น้ำที่ละลายใน Super Big  20 ลิตร แล้วฉีดพ่น 20-30 ลิตร/ ไร่
                “หลังจากใช้ผลิตภัณฑ์ชีวภาพของบริษัท ลักกี้ ไบซ์ กรุ๊ป แล้วข้าวโพดมีฝักใหญ่ เมล็ดข้าวโพดเต็มทุกเม็ด น้ำหนักดีมาก และที่สำคัญราคาถูกกว่าเคมีมากช่วยลดต้นทุนลง สร้างกำไรให้กับครอบครัวได้ ไม่ต้องเป็นหนี้เป็นสินเหมือนเมื่อก่อน พื้นที่ปลูก 15 ไร่ ได้ผลผลิตถึง 15 ตัน” คุณศรกนกกล่าว
ทางด้าน คุณบุศริน วิตนากร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลักกี้ไบซ์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวถึงวัตถุประสงค์และความตั้งใจในการเป็นผู้ผลิตสินค้าคุณภาพโดยยึดแนวทางเกษตรอินทรีย์ว่า อันดับแรกได้มองเห็นปัญหาและความยากลำบากของพี่น้องเกษตรกรที่ต้องถูกเอาเปรียบจากผู้ผลิตสินค้าที่ขาดคุณภาพ ไม่ได้มาตรฐาน ผลผลิตจึงได้น้อยและคุณภาพไม่ดีส่งผลให้ผลผลิตที่ได้ไม่มีคุณภาพ ขายได้ในราคาต่ำลง ส่งผลให้เกษตรกรเป็นหนี้เป็นสินตามมามากมาย ทั้งที่ศักยภาพของประเทศไทยพร้อมในทุกด้าน สามารถปลูกพืชผลทางการเกษตรได้มากมาย เป็นอู่ข้าวอู่น้ำของโลกได้ ประกอบกับปัจจุบันราคาปุ๋ย ยา มีราคาแพงขึ้นมาก ถ้าเกษตรกรสามารถผลิตสินค้าได้ในราคาที่ถูกลงก็น่าจะเป็นหนทางที่จะช่วยเหลือเกษตรกรได้ ทางบริษัทจึงได้รวบรวมกลุ่มและเรียนเชิญนักวิจัยหลายท่านมาช่วยกันค้นคว้าวิจัยผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่มีคุณภาพผลิตให้กับพี่น้องเกษตรกรได้ใช้กัน สำหรับผลิตภัณฑ์อินทรีย์ชีวภาพที่ใช้กับการปลูกและเพิ่มผลผลิตและช่วยประหยัดเมล็ดพันธุ์และช่วยให้ข้าวโพดเจริญได้ดีคือ Super Big  
Super Big อัศวินขี่ม้าขาวของข้าวโพดเพิ่มผลผลิตและคุณภาพได้เยี่ยม
                Super Big นวัตกรรมทางเลือกสำหรับเกษตรกรยุคใหม่เป็นอาหารเสริมเข้มข้นที่ใช้ฉีดพ่นทางใบ ช่วยเร่งการเจริญเติบโตของพืช ผ่านการสกัดจากวัตถุดิบธรรมชาติที่อุดมไปด้วยไวตามิน แร่ธาตุต่าง และอะมิโนสังเคราะห์ ตลอดจนสารอาหารพิเศษมากมาย ที่สามารถใช้แทนปุ๋ยเคมีและฮอร์โมนต่างๆ ได้และยังลดการใช้ยากำจัดศัตรูพืชลงได้เพราะมีสารไล่แมลงธรรมชาติเป็นส่วนผสม ไม่มีสารตกค้าง ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม พืชแข็งแรง โตเร็ว ให้ผลผลิตสูง ระยะการเพาะปลูกสั้นลง และสามารถใช้ได้กับพืชผัก ไม้ผล ไม้ดอกไม้ประดับ และพืชอื่นๆ ได้ และเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพยิ่งขึ้นควรใช้คู่กับ Super Chito ‘P’ และ Super Organic
               
ผลิตภัณฑ์อื่นๆ
Super White เป็นยาสำหรับคุมไข่ของแมลงศัตรูพืชต่างๆ เช่น เพลี้ยกระโดด เพลี้ยแป้ง ไม่ว่าจะอยู่ใต้ใบก็สามารถควบคุมการระบาดได้
Super Organic “ใส่อะไรก็โต” เป็นสารปรับความสมดุลของดิน ประกอบด้วยแร่ธาตุครบถ้วน ปรับความเป็นกรดด่างของดิน ทำให้ดินร่วนซุย อุ้มน้ำได้ดี ทำให้ระบบรากทำงานเต็มประสิทธิภาพ  
ซุปเปอร์ไคโต พี เป็นสารกระตุ้นยีนส์และการสร้างภูมิคุ้มกันให้เกิดการสร้างเอนไซม์ที่เป็นประโยชน์ต่อการเจริญเติบโต มีความแข็งแรง อีกทั้งสามารถป้องกันโรคจากจุลินทรีย์ (ที่ไม่ดี) เชื้อรา แบคทีเรียและไวรัสบางชนิด ช่วยลดการหลุดร่วงของดอก ผล เร่งสีให้กับพืช
Super Coat  เป็นสารจับใบที่มีอนุภาพแทรกซึมเข้าลึกลงใต้ใบพร้อมแผ่ขยายวงกว้างได้อย่างรวดเร็วขึ้นทำให้เกษตรกรประหยัดการใช้ยาฆ่าแมลง หรือ น้ำปุ๋ยชีวภาพ หรือ ปุ๋ยน้ำทั่วไป สารจับใบตัวนี้ยังแห้งสนิทได้เร็วจึงสามารถฉีดได้ก่อนฝนตก ล่วงหน้า 1 ชั่วโมง และหลังฝนหยุดตก หรือ ฝนตกปอย สารจับใบตัวนี้ ยังสามารถนำพาสารที่ฉีดควบคู่ทำปฎิกิริยาต่อได้ อีกด้วย หรือ พืชสามารถดูดสารอาหารหรือยาฆฆ่าแมลงต่างๆได้หลังฝนตก จึงส่งผลให้แมลงต่างๆ ตายแน่นอน ถ้าใช้ควบคู่กับยาฆ่าแมลง
Super Chito ‘D’ เป็นสารที่ช่วยรักษาสภาพความสดใหม่หรือยืดอายุการสุกงอมให้ยาวนานมากขึ้น ลดการคายน้ำ และลดการผลิตแก๊สเอธิลีนที่ทำให้ผลไม่สุกช้า เพิ่มความแข็งแรงของผิวที่เกิดจากการขุดขีด นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์อื่นๆ อีกมากมาย
คุณบุศรินกล่าวต่อถึงกระบวนการผลิตสินค้าว่า จะใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยโดยใช้วิธีกลั่นให้ได้ธาตุอาหารหลักและธาตุอาหารรองตามที่พืชต้องการซึ่งเมื่อได้สารสกัดดังกล่าวแล้วจึงนำเข้าสู่กระบวนการผลิตต่อไป ทางด้านการตลาดขณะนี้จะเน้นการทำตลาดแบบเข้าถึงเกษตรกรโดยตรงซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่หรือตัวแทนขายไปสาธิตแนะนำวิธีการใช้ให้กับเกษตรถึงพื้นที่ ขณะนี้สินค้ามีจำหน่ายในห้างโฮมโปร ซึ่งขณะนี้ทางบริษัทฯต้องการตัวแทนจำหน่ายจังหวัดละ 1 จุด เพื่อกระจายสินค้าให้ทั่วถึง นอกจากนี้ยังมีบริการตรวจสอบสภาพดินและน้ำ ความเป็นกรด-ด่าง ให้ฟรี เกษตรกรสามารถขุดดินลึก 1 ฝ่ามือ แล้วส่งมาตามที่อยู่บริษัท แค่นี้ก็สามารถที่จะทราบได้และรีบแก้ไขได้ทัน
“ผลิตภัณฑ์ของเราเป็นอินทรีย์ล้วนๆ แต่มีส่วนเทียบเท่าได้กับของเคมี มีส่วนช่วยให้โรคและแมลงต่างๆลดลง อีกทั้งไม่สร้างมลภาวะให้กับโลกอีกด้วยเป็นการช่วยลดโลกร้อนได้อีกทาง” คุณบุศรินทิ้งท้าย
                เกษตรกรท่านไดที่ต้องการข้อมูลสินค้าของ บริษัท ลักกี้ไบซ์ กรุ๊ป จำกัด

วันศุกร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ปลูกแตงล้านแซมถั่วฝักยาวสร้างรายได้ 2 ต่อ

ปลูกแตงล้านแซมถั่วฝักยาวสร้างรายได้ 2 ต่อ
แตงล้าน เป็นพืชตระกูลเดียวกันกับแตงโม ฟักทอง บวบ มะระ น้ำเต้า ซึ่งเป็นไม้ตระกูลเลื้อยที่มีอายุตั้งแต่การปลูกจนกระทั่งเก็บเกี่ยวสั้น มีการปลูกกันอย่างแพร่หลายทั่วทุกภาคของประเทศเพราะเป็นพืชที่เจริญเติบโตได้ดี ใช้เวลาเพียง 30-45 วัน ก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้แล้ว เมื่อเปรียบเทียบรายได้จากการปลูกแตงล้านกับพืชอื่นๆ หลายชนิดพบว่าแตงล้านเป็นพืชหนึ่งที่สามารถทำรายได้ดีทีเดียว แตงล้านสามารถนำไปปรุงอาหารได้มากมายหลายชนิด เช่น แกงจืด ผัด จิ้มน้ำพริก หรืออาจแปรรูปเป็นแตงกวาดอง เป็นต้นจะเห็นได้ว่าแตงล้านเป็นพืชที่เข้ามามีบทบาทต่อการบริโภคเป็นอย่างมาก และเป็นผักที่มีวางขายทุกตลาด
การปลูกแตงล้านให้ได้ผลผลิตที่ดี ได้ขนาดสวยงาม สม่ำเสมอ ต้องใช้ความขยัน การเอาใจใส่ ดูแลรดน้ำอย่างสม่ำเสมอ ตลอดจนการใส่ปุ๋ยทีมีแร่ธาตุอาหารเสริมอย่างครบถ้วนจึงจะได้คุณภาพดี ทีมงานเกษตรวาไรตี้ รู้แล้วรวย จะพาผู้อ่านไปติดตามเทคนิคการปลูกแตงล้านของเกษตรกรมืออาชีพที่ใช้ความมุมานะและประสบการณ์ที่เก็บเกี่ยวมาหลายปี ผลิตแตงล้านที่มีคุณภาพดี ปลอดสารพิษ ส่งขายพ่อค้าในตลาดศรีเมืองเพื่อกระจายสินค้าเกษตรลงสู่ภาคใต้และพื้นที่ใกล้เคียง อย่าง คุณกาญจนา พูนเปี่ยม เกษตรกร ต.ท่าหลวง อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี
ปลูกแตงล้านแบบผสมผสานกับถั่วฝักยาว ให้กำไร 2 เด้ง
คุณกาญจนา ได้เล่าถึงความตั้งใจในการปลูกแตงล้านว่า ได้ปลูกมาเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว ควบคู่กับปลูกถั่วฝักยาวแซมไว้ในแปลงปลูกแตงล้าน โดยให้เหตุผลว่าพืชทั้งสองชนิดเป็นตระกูลเลื้อยเหมือนกันมีการดูแลที่คล้ายกัน จึงมีการจัดการที่เหมือนๆกันไม่ยุ่งยากนัก โดยจะปลูกแตงล้านก่อนประมาณ 1 สัปดาห์ จึงจะปลูกถั่วฝักยาวตาม เพราะในช่วงนี้แตงล้านจะโตเร็วมาก สำหรับพันธุ์ที่เลือกปลูกคือพันธุ์บิ๊กกรีน
การเตรียมดินในการปลูก ถ้าเป็นการปลูกซ้ำที่เดิมจะฉีดยาฆ่าหญ้าและรอให้หญ้าตายก่อน จากนั้นไถดิน ทำค้างและตาข่าย ซึ่งการลงทุนทำตาข่าย 1 ครั้ง สามารถใช้ได้ 3 รอบ แต่ถ้าเป็นพื้นที่ปลูกใหม่ให้ไถดินตากไว้ประมาณ 1 เดือน โดยไถกลับหน้าดินทุก 10 วัน ประมาณ 3 ครั้ง ให้ดินแตกร่วนและเชื้อโรคต่างๆ ตาย จากนั้นให้ยกร่องกว้างร่องละประมาณ 1 เมตร ห่างกันร่องละ 70 เซนติเมตร และผสมมูลวัวคลุกเคล้าให้เข้ากัน นำผ้ายางมาคลุมแปลงและเจาะรูห่างกัน 50-70 เซนติเมตร ทั้งนี้การระยะการเจาะรูนั้นขึ้นอยู่กับแต่ละสายพันธุ์ที่ปลูกด้วย ถ้าพันธุ์ไหนที่มีแขนงมากให้เจาะห่าง แต่ถ้าพันธุ์ที่มีแขนงน้อยให้เจาะใกล้กันเพราะเมื่อต้นโตจนเลื้อยแล้วจะได้คลุมเต็มพอดี จากนั้นให้ทำค้างสำหรับเป็นที่ยึดเกาะของยอดแตงโดยการนำตาข่ายมาขึงตามความยาวของแปลง การปลูกให้หยอดหลุมละ 2 เมล็ด ผ่านไป 3 วัน ให้ฉีดยากลุ่มที่มีกลิ่นเหม็นเพื่อไล่แมลงที่ทำลายต้นพืชอ่อน คุณกาญจนาแนะนำเพิ่มเติมว่าให้ใช้ตาข่ายแสลนขึงรอบพื้นที่ปลูกซึ่งจะช่วยป้องกันแมลงได้ดีรวมถึงป้องกันลมแรงที่พัดทำลายยอดเสียหายได้ด้วย
จากนั้นประมาณ 5-7 วัน ต้นแตงจะเริ่มแตกใบ จะฉีดยาฆ่าแมลงผสมกับไคโตซานน้ำดำ 1 ครั้ง และจากนั้นฉีดไคโตซาน 10 วัน/ครั้ง เพื่อเป็นการสร้างภูมิต้านทานให้กับต้นพืชให้แข็งแรง เมื่อแข็งแรงแล้วโรคและแมลงต่างที่จะเข้ามาทำลายก็จะน้อยลงตามไปด้วย เพราะไคโตซานน้ำดำ จะมีกลิ่นที่แมลงไม่ชอบจึงช่วยไล่แมลงได้ แต่ในกรณีที่มีเพลี้ยไฟ และไวรัสที่ทำลายใบหยิกงอ ก็จำเป็นที่จะต้องฉีดยาฆ่าแมลงบ้างแต่ทุกครั้งจะผสมไคโตซานด้วย อีกทั้งยังได้มีการฉีดฮอร์โมนในกลุ่มกรดอะมิโน สังกะสี และสาหร่ายเพื่อเสริมสร้างอาหารให้ครบถ้วนมากขึ้น กระตุ้นการติดดอกด้วย ในช่วงเร่งต้นจะใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 25-0-0 ต้นละประมาณ 1 ช้อนแกง ส่วนการให้น้ำจะใช้ระบบสปริงเกอร์โดยให้น้ำเช้าเย็น ดูแลลักษณะนี้จนประมาณ 30 วัน จะสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้
เก็บแตงล้านขายได้ทุกวันไม่ต่ำกว่า 700-1,000  กิโลกรัม
                เมื่อมีอายุเก็บเกี่ยวได้จะสามารถเก็บแตงล้านได้ทุกวันซึ่งในแต่ละวันจะไม่ต่ำกว่า 700 กิโลกรัม แต่วันที่เก็บได้มากที่สุดสูงถึง 1,200 กิโลกรัม ซึ่งแตงล้านมีขนาดใหญ่ 3-4 ผล/กิโลกรัม ราคากิโลกรัมละ 13-15 บาท สามารถสร้างรายได้ถึง 7,000-10,000 บาท / วัน การเก็บแตงล้านที่ดีต้องให้มีความแก่ประมาณ 80% หรือเก็บที่เปลือกยังเขียวอยู่เมื่อไปถึงผู้บริโภคแล้วจะสวยงามพอดี
                “การใช้ไคโตซานสามารถช่วยยืดอายุการเก็บเกี่ยวจากปกติ 20-22 วัน เป็น 30-35 วัน เพิ่มรายได้ได้อีก 15 วัน และแตงยังติดดก ลูกใหญ่ รู้สึกดีใจมากที่ได้มาใช้ผลิตภัณฑ์ชีวภาพดีๆ ที่ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิตได้มากขึ้นอย่างชัดเจน” คุณกาญจนากล่าวถึงผลลัพทืที่ได้จากการใช้ผลิตภัณฑ์ไคโตซานน้ำดำ
                สำหรับเรื่องตลาดทางสวนจะนำผลผลิตที่ได้ไปขายเองที่ตลาดศรีเมืองโดยไม่ต้องไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง ซึ่งผลผลิตส่วนใหญ่จะถูกส่งไปยังภาคใต้และอีกส่วนหนึ่งจะกระจายในพื้นที่ใกล้เคียง เช่น กรุงเทพและปริมณฑล
                คุณกาญจนากล่าวต่อว่า หลังจากเก็บแตงล้านเสร็จเรียบร้อยแล้วอีกประมาณ 1สัปดาห์ก็จะสามารถเก็บถั่วฝักยาวต่อได้ทันที เพราะถั่วได้รับการบำรุงไปพร้อมๆ กับการบำรุงแตงล้านจึงทำให้โตเร็วมาพร้อมๆ กัน เป็นการสร้างรายได้ 2 ต่อในการปลูกพื้นที่เดียวกัน ไม่สูญเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ แต่สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้คือต้องบำรุงต้นให้แข็งแรง จะทำให้ผลผลิตที่ได้จะดีมีคุณภาพ ขายได้ราคา สร้างรายได้ให้กับครอบครัวอย่างสม่ำเสมอและแน่นอน
                ขอขอบคุณข้อมูลจากคุณกาญจนา พูนเปี่ยม เกษตรกรบ้านพุยาง ต.ทุ่งหลวง อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี
สนใจสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับ ไคโตซานน้ำดำ ติดต่อที่ บริษัท พรชัยเกษตร 1 ชีวภาพ พี.ซี. จำกัด เลขที่ 255-6 ม.3 ถ.สุขุมวิท ต.วังหว้า อ.แกลง จ.ระยอง

Twitter Delicious Facebook Digg Stumbleupon Favorites More

 
Design by Free WordPress Themes | Bloggerized by Lasantha - Premium Blogger Themes | Facebook Themes